เรียกได้ว่าตั้งแต่ในอดีตกว่าที่สมาร์ทโฟนจากแบรนด์ต่างๆ จะได้รับการอัปเดตแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่จากทาง Google นั้น ใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งล่าสุดสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปก่อนหน้าจาก Samsung อย่าง Samsung Galaxy S6 ก็เพิ่งจะได้รับการอัปเดต Android 6.0 Marshmallow หลังจากทาง Google เปิดตัวไปกว่า 4 เดือนเต็มๆ จึงส่งผลให้ทาง Google เริ่มคิดวิธีสำหรับแก้ไขปัญหาความล่าช้านี้ด้วยการทวงอำนาจการปล่อยอัปเดตจากแบรนด์ต่างๆ และจะดำเนินการเองทั้งหมด
Richard Windsor นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Edison Investment Research ได้ระบุว่า ในขณะนี้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ส่วนใหญ่ยังคงใช้งานแอนดรอย์เวอร์ชันเก่าอยู่ เนื่องมาจากแบรนด์ผู้ผลิตรายต่างๆ มีความล่าช้าในการปล่อยอัปเดตแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ จึงส่งผลให้ผู้ใช้ไม่ได้ใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่าง Now on Top ได้เร็วตามที่ Google มุ่งหวังไว้ ทาง Google จึงเตรียมยึดอำนาจทั้งหมดจากแบรนด์ผู้ผลิตรายต่างๆ และจะเข้ามารับผิดชอบ ทั้งในด้านการพัฒนา รวมถึงการปล่อยอัปเดตแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ด้วยตัวเอง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าในเร็วๆ นี้แอนดรอยด์อาจจะกลายเป็นระบบปฏิบัติการแบบปิดเหมือนกับ Windows และ iOS โดยอาจทำการย้ายตัวระบบทั้งหมดไปอยู่บน Service layer หรือที่รู้จักกันในชื่อ Google Mobile Services (GMS)
ขณะนี้มีรายงานว่าจำนวนผู้ที่ใช้ Android 6.0 Marshmallow มีเพียง 1.2% จากผู้ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ทาง Google เริ่มการปล่อยอัปเดต ในขณะเดียวกันทางด้านของ Apple นั้นมีผู้ใช้ iOS 9 เป็นจำนวนกว่า 87% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเป็นผู้ที่ทำการปล่อยอัปเดตให้กับผู้ใช้โดยตรง ซึ่ง Windsor คาดการณ์ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า Google จะเริ่มมีสิทธิในการควบคุมดูแลอุปกรณ์แอนดรอยด์มากขึ้น แม้ในขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ แสดงให้เห็นว่ารายละเอียดในครั้งล่าสุดนี้จะเป็นจริง แต่คาดว่าทาง Google จะไม่นิ่งเฉยต่อปัญหาความล่าช้านี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงให้ Android กลายเป็นระบบปิดถือว่าขัดกับหลัก Open source ของ Google ที่เป็นจุดแข็งที่ใช้แข่งขันกับ iOS มาโดยตลอด ดังนั้นเราเชื่อว่า Google อาจจะแก้ปัญหาความล่าช้านี้โดยยังคงการปรับแต่งได้เองอยู่ (อย่างเช่น ทาง Google จะเป็นผู้อัปเดตหลักก่อน แล้วให้ผู้ผลิตรายอื่นอัปเดตได้เพิ่มเติมในภายหลัง) แต่ท้ายที่สุดแล้วการแก้ไขปัญหานี้จะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไปค่ะ
thaimobilecenter