จริง ๆ แล้วอุปกรณ์ Gadget สำหรับในรถยนต์แล้วล้วนแต่เป็นสิ่งที่ใกล้ตัว ทั้งสร้างความสะดวกได้มาก และอาจจะก่ออันตรายได้ถ้าเลือกไม่ดี วันนี้แอดมินมีคำแนะนำดี ๆ สำหรับเลือกอุปกรณ์ชาร์จมือถือในรถมาฝากกัน เพื่อเป็นแนวทางที่ถูกต้องและช่วยป้องกันภัยร้ายแรงต่อรถของคุณ
1. ตรวจสอบอุปกรณ์ที่จะใช้งานกับที่ชาร์จ
สิ่งแรกที่ต้องดูก่อน คือมือถือของคุณว่าสามารถรองรับไฟฟ้าเข้าสู่ตัวเครื่องได้ดีที่สุดที่เท่าไหร่ เพราะถ้าเกิดเลือกผิดจ่ายไฟฟ้ามากเกินไป จะทำให้อุปกรณ์นั้นเป็นอันตรายได้ เพราะไฟฟ้าจะเกิด เสี่ยงต่อเกิดความร้อนสะสมและระเบิดจนเกิดไฟไหม้ในที่สุด
2. ตรวจสอบกล่องอุปกรณ์ที่จะเลือกซื้อ
ต้องมีรายละเอียดข้อมูลครบและชัดเจน เช่น รองรับการจ่ายไฟกี่ Amp โดยสังเกตจากหน้ากล่องจะมีเครื่องหมายบอกเช่น 1A จะสามารถชาร์จไฟกับมือถือรุ่นปกติได้ แต่จะใช้เวลานาน 2.1A ชาร์จไฟกับมือถือรุ่นใหม่ ๆ หรือ Tablet ส่วนใหญ่ได้ เพราะถ้าเลือกมากไปนั้นผลเสียคือ ความร้อนสูงและเป็นอันตราย ยกเว้นบางรุ่นที่มีระบบควบคุมการจ่ายไฟจะทำให้เกิดความปลอดภัยได้ แต่หากอุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จได้มากกว่า 1 ช่องเสียบจะต้องรองรับไฟมากกว่า 2A ขึ้นไป ทั้งนี้ไม่ต้องห่วงว่าแบตเตอรี่รถจะหมดเร็วเมื่อชาร์จกับอุปกรณ์เหล่านี้ เพราะไฟฟ้าที่จ่ายเข้าไปส่วนมากจะรองรับแค่ 5V โดยรถยนต์จะจ่ายไฟได้สูงสุด 120V (โวลล์) เท่านั้น
3. ดูสเปคว่ารองรับไฟในรถของคุณได้หรือไม่
สเปคของอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะรองรับไฟฟ้า 120 โวลล์ หรือ 5 โวลล์เท่านั้น ทำให้การตรวจสอบนั้นจะง่ายเพราะในป้ายจะบอกชัดเจน แต่อย่างไรก็ดีการเลือกซื้อถ้าเราดูข้อมูลจากที่จุดบุหรี หรือคู่มือรถยนต์ประกอบกันไปด้วย ก็จะทำให้เราสามารถมั่นใจได้ว่า ใช้งานกับรถเราได้แน่นอน
4. อย่าเห็นแก่ราคาที่ถูกเกินไป
การซื้อของที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า อย่าเห็นแก่ราคาที่ถูกเกินไป เพราะบางสิ่งที่ถูกอาจจะไม่ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานที่รถยนต์รองรับ หรือระบบความปลอดภัยข้างในไม่เพียงพอต่อการจ่ายไฟได้ ซึ่งอาจจะทำให้คุณอยู่ในภาวะที่อันตรายได้ โดยราคาที่จัดว่าเป็นอุปกรณ์ที่เป็นมาตรฐานจะต้องมีอยู่ 500 บาทขึ้นไปถือว่ารับได้แล้ว
เคล็ดลับเหล่านี้ ถ้าเลือกถูกต้อง จะทำให้อุปกรณ์ชาร์จไฟในรถสามารถใช้ได้ยาวนานกว่ารถคันที่เราซื้อ เพราะมันจะเหมาะสม แข็งแรงทนทาน และไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ตลอดอายุการใช้งานอีกด้วย
ข้อมูล : SanookHitech