เปิดตัวได้แบบสร้างความฮือฮาอย่างมากต่อนักพัฒนาระบบสำหรับ Android N ของทาง Google ที่มีการอัพเกรดความสามารถเข้ามาเพิ่มเติมหลายอย่าง เช่น Multi-Windows mode ที่ทาง Google ได้พัฒนามาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว ซึ่งจะทำให้สามารถแบ่งการทำงานออกเป็น 2 จอ และทำงาน 2 แอพพร้อมกันแบบ Multitask และถ้าหากเป็น Android TVs จะมี Picture-in-picture เพื่อใช้งานกันด้วย นอกจากนี้ยังมี Notifications ที่สามารถแจ้งเตือนที่ทำงานได้หลายฟังก์ชั่น คือ ตอบกับ (Replay) จากรายการแจ้งเตือนได้ทันที หรือการแจ้งเตือนจากแอพเดียวกันก็จะถูกนำมารวมอยู่ด้วยกัน โดยสามารถแตะเข้าไปดูรายละเอียดย่อยจากกลุ่มรายการแจ้งเตือนของแอพนั้นได้ และยังมีฟีเจอร์การจัดการพลังงานที่ช่วยลดการทำงานเบื้องหลังที่ทำงานทันทีเมื่อปิดหน้าจออย่าง Doze ซึ่งเสมือนเป็นการช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานเพิ่มขึ้นอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังมีการอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามามากมาย ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
- Multi-window ฟีเจอร์แบ่งหน้าจอรันแอพที่รอคอยกันมานาน ใช้งานได้ทั้งบนมือถือและแท็บเล็ต แอพที่ใช้งานได้ต้องเขียนให้รองรับฟีเจอร์นี้ของ N และนักพัฒนาสามารถกำหนด “ขนาดจอแอพขั้นต่ำ” ได้เอง
- Direct reply notifications ตอบข้อความได้จาก Notification เลย ใช้ API RemoteInput ตัวเดียวกับใน Android Wear
- Bundled notifications แอพตัวเดียวส่งข้อความแจ้งเตือนเป็นกลุ่มเพื่อความเป็นระเบียบ และผู้ใช้สามารถขยายเพื่อดูรายละเอียดของการแจ้งเตือนแต่ละอันได้
- ฟีเจอร์ประหยัดพลังงาน Doze พัฒนาไปอีกขั้น จากเดิมช่วยประหยัดพลังงานตอนที่อุปกรณ์วางอยู่นิ่งๆ ก็ใช้ได้ทุกกรณีเมื่อปิดหน้าจอเลย (no wakelock!)
- ฟีเจอร์ลดการใช้งานแรม Project Svelte ปรับปรุงเพื่อลดความต้องการแรมของแอพที่รันอยู่เบื้องหลัง
- ซูมหน้าจอได้แล้ว
- เพิ่มโหมด Data Saver ประหยัดปริมาณข้อมูลที่ระดับ OS เลย
- สามารถบล็อคเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ต้องการได้ในตัว OS, ตัว dialer ยังเพิ่มฟีเจอร์ call screening ทั้งสายเข้าและโทรออก
- Direct Boot สำหรับอุปกรณ์ที่เข้ารหัสข้อมูลในเครื่องไว้ ถ้าเครื่องรีบูตขึ้นมา แอพจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ก่อนผู้ใช้ล็อกอิน ซึ่งอาจมีปัญหาสำหรับแอพแจ้งเตือนบางประเภท (เช่น นาฬิกาปลุก) ในกรณีของ Android N จะอนุญาตให้แอพเข้าถึงข้อมูลบางอย่างได้แบบจำกัด ช่วยให้ไม่พลาดนัดหมายสำคัญถ้ามีปัญหารีบูตตัวเอง
- รองรับ OpenGL ES 3.2 API
- Android ยังมีคอมไพเลอร์ตัวใหม่ Jack (Java Android Compiler Kit) รองรับแพลตฟอร์ม Java 8 แล้ว ใช้งานได้กับ Android เวอร์ชันเก่าๆ อย่าง Gingerbread ด้วย
สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการทดสอบ Android N นั้น ในตอนนี้สามารถใช้ได้แค่เฉพาะกับฮาร์ดแวร์อย่าง Nexus 6 , Nexus 5X , Nexus 6P , Nexus Player , Nexus 9 และ Pixel C แต่หากไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ก็สามารถทดสอบผ่านทาง Android Emulator ได้ด้วย อย่างไรก็ตามตอนนี้ชื่ออย่างเป็นทางการของ Android N ยังไม่มีการประกาศออกมา คงต้องรอลุ้นในงาน Google I/O 2016 กันอีกทีค่ะ